แก้ไขปัญหาถุงใต้ตา
สาเหตุที่ทำให้เกิดถุงใต้ตาคือ
โดยปกติแล้ว เบ้าตาของคนเราทุกคนนั้นจะประกอบไปด้วยถุงไขมันที่อยู่ในเบ้าตา แต่ที่เรามองไม่เห็นชัดว่าลักษณะเป็นก้อนหรือถุงตาออกมานั้น เนื่องจากบริเวณเบ้าตาจะมีกล้ามเนื้อที่เปรียบเสมือนผนังคอยปกปิดกั้นเอาไว้ แต่เมื่อเรามีอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อส่วนนั้นจะมีความอ่อนล้า อาจเป็นเพราะจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรืออาจเกิดจากวัยที่เพิ่มมากขึ้น จึงส่งผลให้ก้อนไขมันนั้นดันผนังที่อ่อนล้าออกมาให้เห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆเป็นก้อนปูดออกมา จนมีลักษณะเกิดเป็นถุงใต้ตาขึ้นได้
วิธีการรักษา
แพทย์จะทำการวัดและกำหนดบริเวณที่จะผ่าตัดเอาไขมันและผิวหนังส่วนเกินโดยการวาดระบุไปที่ตำแหน่งของเปลือกตาล่าง จากนั้นแพทย์จะใช้ยาชาฉีดเพื่อระงับความรู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด เมื่อยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะเริ่มการเปิดแผลบริเวณใต้ขนตาล่าง เพื่อเอาไขมัน กล้ามเนื้อและผิวหนังส่วนเกินออก โดยขั้นตอนนี้จะใช้เลเซอร์ร่วมในการรักษา เพื่อให้กระทบกระเทือนเนื้อเยื่อให้น้อยที่สุด และลดการเสียเลือด ส่งผลให้หลังทำนั้น มีอาการบวมน้อย แผลหายไวยิ่งขึ้น จากนั้นแพทย์จะทำการเย็บปิดบาดแผลผิวหนังด้วยไหมเส้นเล็กๆ เพื่อสมานผิวหนังบริเวณเปลือกตาล่างให้ชิดติดกับบริเวณขอบตาล่างมากที่สุดเพื่อความเรียบเนียนและสวยงาม ซึ่งระยะเวลาการผ่าตัดแตกต่างตั้งแต่ 40 นาที ถึง 1 ชั่วโมง และเมื่อผ่าตัดเสร็จ แพทย์จะปิดแผลด้วยวัสดุปิดแผล ในกรณีที่ใช้เย็บแผลด้วยไหมไม่ละลาย แพทย์จะนัดมาเพื่อทำการตัดไหมหลังผ่าตัดประมาณ 5 วัน และสามารถล้างทำความสะอาดเปลือกตาได้หลังผ่าตัดประมาณ 7-10 วัน
ระยะเวลาการผ่าตัด
40-60 นาที
ผลการรักษา
ผลจากการทำศัลยกรรมแก้ไขปัญหาถุงใต้ตา คือคุณจะมีดวงตาที่ดูสดใส ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น อีกทั้งการผ่าตัดแก้ไขปัญหาถุงใต้ตา เป็นการผ่าตัดซ่อมแซมเปลือกตาล่าง โดยแพทย์จะทำการตัดผิวหนังที่หย่อนยานออก มีผลทำให้ริ้วรอยที่อยู่ใต้ตาได้ถูกตัดออกไปด้วยบางส่วน จึงเป็นการช่วยลดปัญหาริ้วรอยได้พร้อมกันในคราวเดียว ผลลัพธิ์จึงเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก
การผ่าตัดแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาสามารถอยู่ได้ถาวรหรือไม่
การผ่าตัดเพื่อกำจัดถุงไขมันใต้ตาออกนั้น เป็นการผ่าตัดแก้ไขปัญหาเปลือกตาล่าง เพื่อเอาก้อนไขมันส่วนเกิน และผิวหนังที่เคยยืดจนเป็นส่วนเกินออก ซึ่งเมื่อทำการตัดออกไปแล้ว จะไม่มีการกลับมาเป็นได้อีก เนื่องจากเซลล์ไขมันของมนุษย์นั้น ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ ยกเว้นเพิ่มขนาดเท่านั้น เมื่อของเดิมมีอยู่เท่าไหร่ ก็จะมีจำนวนเท่าเดิม แต่ที่เห็นเป็นถุงใต้ตาขึ้นมานั้น เพราะการเพิ่มขนาดของไขมัน และผนังที่กั้นนั้นอ่อนล้าจนโป่งพองออกมาเป็นลักษณะถุงใต้ตาอย่างที่เราเห็น ดังนั้นเมื่อเราตัดถุงไขมันใต้ตาออกไปแล้ว จะไม่มีการกลับมาเป็นได้อีก จึงเป็นการรักษาอย่างถาวร
ทำไมเมื่อเวลาผ่านไป จึงมีปัญหาถุงใต้ตาเกิดขึ้นได้อีก
การผ่าตัดเพื่อนำถุงไขมันใต้ตาออกนั้น แพทย์ไม่สามารถนำไขมันออกไปจนหมดได้ เนื่องจากไขมันเป็นเซลล์ที่คอยหล่อเลี้ยงเส้นประสาท กล้ามเนื้อ ผิวหนังให้กับร่างกาย จึงจำเป็นต้องมีไขมันบางส่วนเหลือไว้หล่อเลี้ยง ยิ่งไปกว่านั้น การตัดก้อนไขมันออกทั้งหมด จะทำให้ตาลึกโบ๋ทันที หมดความสวยงามได้ ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป อายุเรามากขึ้น กล้ามเนื่อที่กั้นเป็นผนังกำแพงนั้นก็อ่อนล้า หย่อนยานตามกาลเวลา ส่งผลให้ไขมันที่มีอยู่เพียงน้อยนิดนั้นดันผนังที่อ่อนแอออกมาให้เห็นชัดขึ้นได้อีกครั้ง แต่จะไม่เกิดขึ้นมากเหมือนเช่นครั้งแรก เพราะครั้งนี้ปัญหาหลักไม่ใช่เพราะก้อนไขมันที่เหลือเพียงน้อยนิด แต่เกิดจากผิวหนังที่เป็นผนังหย่อนยานลง จึงทำให้เปลือกตาล่างหย่อนยานเป็นถุงใต้ตาเกิดขึ้นได้อีก ซึ่งกรณีนี้ แพทย์จะทำการรักษาโดยมุ่งเน้นที่การผ่าตัดแก้ไขความหย่อนยาน เพื่อตัดแต่งหนังส่วนเกินออก และทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น
อาการที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัด
- อาจจะมีการปิดแผลด้วยวัสดุปิดแผลเล็กๆ หรือป้ายยาครีมบริเวณแผลโดยไม่จำเป็นต้องปิดตา
- ภายใน 2-3 ขั่วโมงแรก อาจมีเลือดซึมบริเวณแผลเล็กน้อย ให้ผู้ป่วยใช้อุ้งมือกดบริเวณเบ้าตา
- อาจมีอาการตาปรือ และตาพร่ามัวเล็กน้อย จึงไม่ควรขับรถกลับบ้านเอง
- เปลือกตาช้ำบวมสามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ โดยอาการจะบวมมากขึ้นเล็กน้อยในช่วง 2-3 วันแรก หลังจากนั้นอาการบวมจะน้อยลงไปเรื่อยๆ อาการบวมดังกล่าวนี้ อาจทำให้ชั้นเปลือกตา หรือลักษณะของเปลือกตาดูยังไม่เป็นปกติซักระยะหนึ่ง ผู้ป่วยจึงไม่ต้องไปกังวล โดยแพทย์จะทำการติดตามผลผู้ป่วยเป็นระยะๆต่อไป
- คนไข้สามารถไปทำงานตามปกติได้ทันทีในวันรุ่งขึ้น (ยกเว้นแต่กรณีที่บวมมาก อาจรอให้ยุบบวม)
- อาจรู้สึกปวด ไม่ค่อยสบาย โดยแพทย์จะสั่งยาบางชนิดเพื่อลดปัญหาดังกล่าว
- คนไข้จะมีอาการบวมช้ำเกิดขึ้นได้ โดยจะเห็นได้ชัดเจนในช่วงอาทิตย์แรกหลังผ่าตัดและจะค่อยบรรเทาลงภายในระยะเวลา 2 อาทิตย์ถึง 1 เดือน
- รอยแผลจากการเย็บอาจจะมีสีแดงและบวมนูนในช่วงแรก และจะเริ่มเรียบเนียนกลมกลืนไปกับผิวรอบข้างเมื่อบาดแผลเริ่มประสานกันดีแล้ว
- อาการอื่นที่อาจจะพบร่วมด้วย ได้แก่ อาการตาบวมช้ำและซีด ซึ่งจะค่อยๆหายไปเองภายใน 7 ถึง 10 วันหลังการผ่าตัด ความรุนแรงและระยะเวลาของการเกิดผลข้างเคียงจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตัวคุณ
ข้อควรปฏิบัติหลังทำศัลยกรรมแก้ไขหนังตาตก
- ภายใน 2-3 ขั่วโมงแรก อาจมีเลือดซึมบริเวณแผลเล็กน้อย ให้ผู้ป่วยใช้อุ้งมือกดบริเวณเบ้าตา
- เพื่อลดปัญหาบวมบริเวณแผลผ่าตัด ควรนอนยกศีรษะให้อยู่สูงกว่าลำตัวประมาณ 2 ถึง 3 วัน ร่วมกับการประคบเย็นบริเวณแผลผ่าตัดใน 48 ชั่วโมงแรก หลังจาก 48 ชั่วโมงนั้นให้เปลี่ยนมาเป็นประคบอุ่นแทน
- ประคบตาด้วยถุงน้ำแข็งที่ไม่หนักมากจนเกินไปเพื่อช่วยลดและบรรเทาอาการบวมหรือช้ำที่สามารถเกิดขึ้นได้ อาการบวมช้ำนี้จะเห็นได้ชัดเจนในช่วงอาทิตย์แรกหลังผ่าตัดและจะค่อยบรรเทาลงภายในระยะเวลา 2 อาทิตย์ถึง 1 เดือน
- ทำแผลทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น โดยใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำที่สะอาดเช็ดคราบเลือดออก เสร็จแล้วป้ายแผลด้วยยาครีม
- ห้ามขยี้ตาแรงๆ เป็นเวลานาน 1 เดือน รวมถึงเลี่ยงการออกทำงานกลางแสงแดดเป็นเวลา 1 เดือน
- หลีกเลี่ยงการทำให้แผลโดนน้ำแบบเปียกโชกในช่วงแรก ก่อนการตัดไหม
- แพทย์จะนัดผู้ป่วยมาทำการตัดไหมหลังผ่าตัดประมาณ 5-7 วันหลังผ่าตัด
- สามารถล้างหน้า และใช้เครื่องสำอางได้หลังแผลตัดไหมเรียบร้อยแล้ว
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง และมาติดตามผลตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ
- ในช่วงอาทิตย์แรก ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมทุกอย่างที่ต้องใช้สายตา เช่น การอ่านหนังสือ ดูทีวี ใช้คอมพิวเตอร์
- ภายใน 2 ถึง 3 อาทิตย์แรกหลังผ่าตัดคุณควรสวมแว่นกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้านเพื่อป้องกันแสงแดดและลม
- ภายใน 3 ถึง 4 อาทิตย์แรกหลังผ่าตัดคุณต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะมีผลต่อการเพิ่มความดันในดวงตา ได้แก่ การเล่นกีฬาทุกประเภท การก้ม การยกของหนัก และการร้องไห้
- หลังผ่าตัด 1-2 สัปดาห์ ตาทั้ง 2 ข้าง จะบวม มากบ้างน้อยบ้าง และควรงดใช้เครื่องสำอางค์บริเวณตาจนกว่าแผลจะหายสนิท ซึ่งมักประมาณ 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์ เนื่องจากจะทำให้ตาแห้งได้ พยายามอย่ากะพริบตาถี่เพื่อหลีกเลี่ยงอาการตาบวม
- แนะนำให้ใช้ยาหยอดตาเพื่อบรรเทาอาการตาแห้งและแสบหรือคันตา รวมไปถึงการใช้ครีมหล่อลื่นทาดวงตา
- หลีกเลี่ยงการดื่มของมึนเมาเนื่องจากจะมีผลทำให้แผลหายช้าและพักผ่อนให้เพียงพอ
การเตรียมตัวก่อนทำศัลยกรรมแก้ไขปัญหาถุงใต้ตา
- เนื่องจากเป็นการทำผ่าตัดโดยใช้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ต้องดมยาสลบ จึงไม่ต้องอดอาหาร แต่ก็ไม่ควรทานจนอิ่มเกินไป เพราะระหว่างนอนทำผ่าตัด ซึ่งใช้เวลานอนประมาณ 1 ชั่วโมง อาจจะเกิดอาการแน่นอึดอัดท้องได้
- ไม่ควรใช้เครื่องสำอางค์ใดๆในบริเวณใบหน้า อันจะทำให้สกปรก ยากแก่การเช็ดออกก่อนผ่าตัด ตลอดจนเป็นบ่อเกิดการติดเชื้อโรคได้
- หากมีการรับประทานวิตามินอี กลุ่มยาห้ามเลือด ยาลดการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน ควรหยุดรับประทาน 7-10 วัน เพราะอาจเป็นเหตุให้เลือดออกง่าย และออกมากกว่าปกติ
- สระผมให้สะอาดก่อนมาผ่าตัด เพราะอาจจะสระผมไม่สะดวกในวันแรกๆหลังผ่าตัด
- ควรจัดให้เป็นเวลาพักผ่อนหลังผ่าตัด 1 สัปดาห์ งดการทำงานหรือออกกำลังกายหนัก ที่อาจพลาดพลั้งถูกแผลผ่าตัด งานเบาๆ ยังพอทำได้
- งดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 2 อาทิตย์และหลังผ่าตัด 4 อาทิตย์
- ผู้ที่จะทำศัลยกรรมเเนะนำเตรียมเเว่นตากันเเดดเพื่อสวมใส่หลังการทำมาด้วย
สัญญาณเตือนให้รีบพบแพทย์ หรือรีบพบแพทย์ก่อนนัด คือ
- แผลเลือดออก
- ปวดแผลมาก ทานยาแก้ปวดไม่บรรเทา หรือต้องทานติดต่อกัน
- แผลผิดปกติ เช่น แผลไม่ติด คัน มีผื่น มีน้ำเหลือง หรือมีหนอง
- ตาบวมและเขียวช้ำมาก
- น้ำตาไหลมากกว่าปกติ
- เจ็บภายในดวงตา อาจจากมีสิ่งแปลกปลอมพลัดเข้าไปในตา เนื่องจากหลังผ่าตัดหนังตาจะตึงๆ ไม่ค่อยกระพริบตา
- ตามัวลง
- มีขี้ตา
- เมื่อมีความกังวลในอาการ หรือกังวลเรื่องแผล
ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ